วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

การละเล่นไทยพื้นบ้าน


ประวัติการละเล่นไทย

ในอดีตมีกีฬาพื้นบ้านต่างๆให้เล่นมากมายตั้งแต่รุ่นก่อนๆจนกระทั่งถึงรุ่น ปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นอยู่ซึ่งแต่ก็น้อยกว่าในสมัยก่อนมาก กิจกรรม การเล่นของสังคม เป็นกิจกรรมนันทนาการหนึ่งซึ่งได้รับการยอมรับร่วมกันในสังคม โดยมีรากฐานมาจากความเป็นจริงแห่งวิถีชีวิตของชุมชนที่มีการประพฤติปฏิบัติ สืบทอดกันมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน การละเล่นแสดงออกด้วยการเคลื่อนไหวกริยาอาการเป็นหลัก อาจมีดนตรี การขับร้องหรือการฟ้อนรำประกอบการเล่นมีจุดมุ่งหมาย เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินในโอกาสต่าง ๆ การละเล่นบางชนิดได้รับการถ่ายทอดสืบสานต่อกันมา และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนารูปแบบอย่างต่อเนื่องจนมีลักษณะเฉพาะถิ่น

การละเล่นกลางแจ้ง
- ว่าว -

ในอดีตมีกล่าวอยู่ในพงศาวดารเหนือว่า พระร่วงทรงเล่นว่าวอย่างไม่ถือพระองค์ว่าเป็นท้าวพระยา ในสมัยกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 1893 – 2300) ก็มีการเล่นว่าวกันมากถึงกับมีกฎมณเพียรบาลห้ามมิให้ประชาชนเล่นว่าวทับพระราชวัง ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ก็มีการเล่นว่าวดังเช่นในสมัย ก็มีการเล่นว่าว เช่นในรัชกาลที่ 5 ก็โปรดให้ใช้สถานที่ในพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่าเป็นที่เล่นว่าวจุฬากับปักเป้า เป็นต้น ว่าวของไทยที่ทำขึ้นเล่นกันเป็นพื้นมีอยู่ 4 ชนิดด้วยกัน คือ ว่าวอีลุม ว่าวปักเป้า ว่าวจุฬา และว่าวตุ๋ยตุ่ย

ว่าวอีลุ้ม

ว่าวปักเป้า

ว่าวจุฬา

ว่าวดุ๊ยดุ่ย

อุปกรณ์ในการทำว่าว
-ไม้ไผ่
-เชือกกาวเอ็นด้าย
-มีด
-ขี้ผึ้ง
-ใบตาล
-ด้ายไนล่อน

วิธีการเล่นว่าว
-ชักว่าวให้ลอยลมปักอยู่กับที่ เพื่อดูความสวยงามของว่าวรูปต่างๆ
-บังคับสายชักให้เคลื่อนไหวได้ตามต้องการนิยมกันที่ความงาม ความสูง และบางทีก็คำนึงถึงความไพเราะของเสียงว่าวอีกด้วย
-การต่อสู้ทำสงครามกันบนอากาศ การเล่นว่าวแบบนี้แตกต่างจากชาติอื่น ทั้งตัวว่าวและวิธีที่จะต่อสู้คว้ากัน การแข่งขันว่าวจุฬากับปักเป้านั้น ว่าวปักเป้ามีขนาดเล็กกว่าว่าวจุฬา

ชักเย่อ

อุปกรณ์
- เชือกขนาดใหญ่เท่านิ้วหัวแม่มือ ความยาวประมาณ ๒๐-๓๐ เมตร จำนวน ๑ เส้น
- ผ้าแดง ๓ ผืน ไว้ผูกเป็นเครื่องหมายที่เชือก โดยผูกผ้าแดงผืนหนึ่งไว้ตรงกลางความยาวของเชือก จากกึ่งกลางเชือกเข้ามาข้างละ ๒ เมตรให้ผูกด้วยผ้าแดงข้างละผืน
วิธีการเล่น   
แบ่งผู้เล่นเป็นสองฝ่ายฝ่ายละกี่คนก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน เมื่อแบ่งพวกได้แล้วก็ขีดเส้นแบ่งแดน
หัวแถว(ถ้าเป็นชายเรียกพ่อหลัก ถ้าเป็นหญิงเรียกแม่หลัก)ของทั้งสองฝ่ายเหยียดแขนจับไม้ยึดแนวขนานกับมือทั้งสองมือ ไม้จะนอนขนานกับเส้นแบ่งแดน ลูกน้องของแต่ละฝ่ายเกาะเอวหัวแถวเรียงต่อๆกัน เริ่มเล่นต่างฝ่ายพยายามดึงให้ฝ่ายตรงข้ามหลุดล้ำเข้ามาในแดนตน ฝ่ายใดหลุดล้ำถือเป็นฝ่ายแพ้ เมื่อแพ้ทั้งสองฝ่ายก็จะเริ่มต้นเล่นเพลงระบำกัน พอจบก็เริ่มชักเย่อกันใหม่

ตี่จับ

อุปกรณ์ 
เชือกหรืออะไรก็ได้ที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดน
วิธีการเล่น
 การเล่นตี่จับต้องแบ่งผู้เล่นออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายละเท่าๆกัน มีเส้นแบ่งเขตตรงกลาง ต้องตกลงกันว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายรุกไปก่อน คนหนึ่งที่เป็นฝ่ายรุกจะเริ่มข้ามเขต พอเข้าเขตฝ่ายตรงข้ามก็ต้องร้อง"ตี่"ไม่ให้ขาดเสียง และวิ่งเอามือแตะตัวคนใดคนหนึ่งในฝ่ายรับ แต่จะหยุดหายใจไม่ได้ในขณะร้อง "ตี่" นั้น ฝ่ายรับก็จะพยายามจับคนที่ร้อง "ตี่" ไว้ ถ้าคนร้อง "ตี่" เห็นว่าจะสู้ไม่ได้หรือจะต้องถอนหายใจ
ต้องรีบถอยมาให้พ้นเส้นแบ่งเขต ถ้าถอยไม่ทันผู้ร้อง"ตี่" หยุดถอนหายใจก็จะต้องถูกจับตัวไว้เป็นเชลย แต่ถ้าคนที่ร้อง "ตี่" แตะตัวฝ่ายรับได้คนที่ถูกแตะก็เป็นเชลยฝ่ายนี้ ฝ่ายที่ได้เชลยก็จะส่งคนร้อง"ตี่"ไปแตะคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามอีก ถ้ายังจับไม่ได้ก็ผลัดกันรุกคนละครั้ง จนกว่าจะกวาดเชลยได้หมดก็ขึ้นตาใหม่

ซ่อนหาหรือโป้งแปะ

วิธีการเล่น

หากมีพื้นที่กว้างมากก่อนการเล่นผู้เล่นทั้งหมดอาจตกลงกันก่อนว่าห้ามซ่อนเกินเขตที่กำหนด ผู้ใดออกไปซ่อนนอกเขตถือว่าผิดกติกาจะต้องเป็นผู้หาแทน เมื่อตกลงได้แล้วถึงดำเนินการเลือกผู้ที่จะเป็นผู้หาคนหนึ่ง ตามวิธีการแบ่งกลุ่มและจัดลำดับการเล่น แล้วจึงเริ่มเล่น ผู้หาต้องปิดตา โดยใช้มือปิดหรือหันหน้าเข้าหาเสา ต้นไม้ ฯลฯ บางครั้งผู้หาอาจนับเลขไปด้วยเพื่อเป็นการให้เวลาแก่ผู้ซ่อน และผู้ที่ไปซ่อนอาจร้องว่า “ปิดตาไม่มิด สาระพิษเข้าตา พ่อแม่ทำนาได้ข้าวเม็ดเดียว” เมื่อคะเนว่าผู้ซ่อนหาที่ซ่อนได้หมดแล้ว จึงถามว่า เอาหรือยังผู้ซ่อนจะตอบว่า เอาละ ผู้หาจึงเปิดตาแล้วออกหาผู้ซ่อนตามจุดต่าง ๆ ที่คาดว่าต้องมีผู้ไปซ่อน เมื่อพบผู้ซ่อนคนใดจะต้องพูดว่า โป้ง... (ชื่อผู้ที่พบ)... ผู้นั้นจะออกมาจากที่ซ่อน
ผู้หาต้องหาผู้ซ่อนต่อไปจนครบหมดทุกคนขณะหาถ้ามีผู้ซ่อนคนใดวิ่งเข้ามาแตะตัวผู้หาแล้วร้องว่า แปะผู้หา ต้องเป็นอีกรอบหนึ่ง แต่ถ้าหาผู้ซ่อนได้ครบทุกคน ผู้ถูกพบคนแรกต้องเป็นผู้หาแทน พฤติกรรมเชิงวิเคราะห์ ฝึกให้เป็นคนช่างสังเกต หูไว ตาไว สามารถจับทิศทางของเสียง ที่ได้ยินได้อย่างแม่นยำ


ขี่ม้าส่งเมือง

วิธีเล่น

แบ่งผู้เล่นเป็น ๒ ฝ่าย เท่าๆ กัน เลือกผู้เล่นคนหนึ่งเป็นเจ้าเมือง ซึ่งจะต้องไม่เข้ากับฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง แต่ละฝ่ายจับไม้สั้นไม้ยาว เพื่อเลือกว่าใครจะเริ่มเล่นก่อน ฝ่ายชนะจะเริ่มเล่นก่อนโดยการเดิน มากระซิบชื่อใครคนหนึ่งของฝ่ายตรงกันข้ามกับผู้ที่เป็นเจ้าเมืองก่อน แล้วกลับไป ฝ่ายตรงกันข้ามจะเดิน มากระซิบบ้าง ถ้ากระซิบชื่อได้ตรงกับที่ฝ่ายแรกกระซิบไว้  เจ้าเมืองจะกล่าวคำว่า “โป้ง” คนกระซิบคนแรก ต้องเป็นเชลย และฝ่ายที่ทายถูกทายได้อีกครั้งจนกว่าข้างใดข้างหนึ่งจะหมด ฝ่ายใดหมดก่อน ฝ่ายนั้นแพ้ และให้ฝ่ายชนะขี่หลังไปส่งเมือง

กาฟักไข่
อุปกรณ์
 กาบมะพร้าวเพื่อใช้สมมติเป็นไข่กา คนละ ๑กาบ ลูกตะกร้อเล็กๆ ขนาดผลส้มเขียวหวาน หรือจะใช้กิ่งไม้เล็กๆยาวประมาณ ๑ คืบแทนก็ได้
วิธีการเล่น

 ขีดเส้นเป็นวงกลมบนพื้นกว้างพอสมควร นำเอาไข่ของทุกคนไปรวมกันในวงกลม แล้วหาผู้เล่น 1 คน ไปเป็นกาคอยรักษาไข่ไม่ให้ผู้เล่นคนอื่นแย่งไข่ไปได้โดยผู้เป็นกาจะใช้มือหรือเท้าป้องไข่ไว้ โดยจะป้องกันได้เฉพาะในวง จะออกนอกวงไม่ได้ ส่วนผู้แย่งไข่ต้องระวังอย่าให้มือหรือเท้าของกามาถูกตนได้ถ้าไปถูกใครเข้า คนนั้นจะต้องเข้ไปเป็นกาแทน แล้วเริ่มเล่นกันใหม่ ไข่ที่แย่งไปได้ต้องคืนหมด แต่ถ้ากาถูกแย่งไข่ไปได้หมด ผู้เป็นกาจะต้องปิดตาแล้วผู้เล่นคนอื่นจะเอาไข่ไปซ่อนตามสถานที่ใกล้ๆ นั้น หลังจากนั้นกาต้องออกตามหาไข่ให้ได้ครบจำนวน ถ้าหาไม่ครบแล้วยอมแพ้ก็จะถูกผู้ซ่อนไข่ดึงหูพาไปหาที่ซ่อนไข่จนครบ และต้องเป็นกาต่อไป แต่ถ้ากาหาไข่ได้หมด เจ้าของไข่ที่ถูกกาหาพบคนแรกจะต้องมาเป็นกาแทน

กระต่ายขาเดียว

วิธีการเล่น

  ขีดเส้นแบ่งเขตบนพื้น และมีเขตจำกัดเส้นออกไว้ด้วย แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่ายเท่าๆ กัน ตกลงกันว่าใครจะเป็นกระต่ายก่อน กลุ่มที่เป็นกระต่ายจะคิดคำขึ้นหนึ่งคำ ให้มีพยางค์เท่ากับจำนวนคนในหมู่และจำต้องกำหนดพยางค์ให้แต่ละคนด้วย เมื่อคิดคำได้แล้วหมู่ที่เป็นฝ่ายเล่นทั้งหมดก็จะเป็นผู้เลือกว่า จะเอาพยางค์ใด ฝ่ายกระต่ายคนที่มีพยางค์ตรงกับที่โดนเลือกก็จะวิ่งกระโดดขาเดียวให้เร็วที่สุด และไล่จับแตะคนในฝ่ายเล่น ถ้าคนใดโดนจับหรือถูกตัวกระต่ายก็ต้องออกจากการเล่น แต่ถ้ากระต่ายเปลี่ยนขาหรือขาแตะพื้นจะต้องเปลี่ยนเป็นกระต่ายตัวใหม่ที่ฝ่ายเล่นจะเลือก เมื่อฝ่ายเล่นถูกไล่ตีจนหมดแล้วก็ถือว่าแพ้ ต้องมาเป็นฝ่ายกระต่ายบ้าง

หลุมเมือง

วิธีการเล่น
ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่คนละข้างหลุม (จำนวนหลุมมีไม่จำกัด) ตกลงกันว่าจะกองทุนคนละเท่าใด เอาเบี้ยหรือสิ่งอื่นใช้แทนเบี้ยมารวมกัน แล้วหยอดใส่หลุมไว้หลุมละเท่าๆ กันแต่ หลุมหน้าผู้เล่นทั้งสองต้องมากกว่าหลุมอื่น ซึ่งเรียกว่า หลุมเมือง เมื่อเริ่มเล่นฝ่ายใดเริ่มก่อนจะหยอดเบี้ยใส่หลุมไปเรื่อยๆ ตามลำดับจนหมดเบี้ย เมื่อหมดเบี้ยในมือก็หยิบเอาเบี้ยในหลุมถัดไปหยอดต่อทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบหลุมว่าง ผู้เล่นคนแรกจึงมีสิทธิกินเบี้ยทั้งหมดในหลุมถัดไป (ถัดจากหลุมว่าง) ผู้เล่นคนที่สองก็จะดำเนินการเล่นเหมือนคนแรก เมื่อพบหลุมว่างและกินเบี้ยหลุมถัดไป จึงผลัดกันเล่นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดทุนเลิกไป ผู้อื่นก็จะมาเล่นแทน 

เดินกะลา

อุปกรณ์
กะลาเจาะรู ๒ ข้างต่อคน พร้อมเชือกความยาวประมาณจากพื้นถึงหน้าอก (เชือก ๒ เส้นต่อคน)
วิธีการเล่น 
 ให้นำกะลามะพร้าวมาผ่าครึ่ง ๑ ลูกจะได้ ๒ ข้าง (สำหรับผู้เล่น ๑ คน) และเจาะรูแต่ละข้างด้วย จากนั้นให้นำเชือกมาร้อยที่รู ผูกปลายไว้ ผู้เล่นจะเริ่มเล่น โดยการเอากะลาผูกเชือกมาใช้แทนรองเท้า (ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้เท้าหนีบไว้) และให้ผู้เล่นถือเชือกไว้ด้วย กำหนดเส้นเริ่มต้น และเส้นชัย ถ้าผู้เล่นคนไหน สามารถเดินกะลาถึงเส้นชัยก่อนเป็นฝ่ายชนะ

เตย

วิธีเล่น
การเล่นเตยเป็นการเล่นอีกอย่างหนึ่งที่สนุกสนาน ผู้เล่นส่วนมากจะจัดเป็นจำนวนคู่ เช่น 4 คน 6 คน และ 8 คน ในกรณีเล่น 6 คน ที่พื้นจะมีการขีดเส้นลักษณะดังนั้น เมื่อขีดเส้นแล้วก็แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย สมมติว่าแบ่งฝ่ายละ 3 คน แล้วใช้วิธีเป่ายิงฉุบหรือจับไม้สั้นไม้ยาว เพื่อจะหาผู้เล่นเป็นฝ่ายกันฝ่ายแพ้การเสี่ยงเป่ายิงฉุบหรือจับได้ไม้สั้นต้องเริ่มเป็นฝ่ายกันก่อน คนที่กันจะยืนตามจุด และวิ่งกันตามแนวเส้น 1,2,3 (ในภาพ) ส่วนผู้เล่นอีก 3 คนที่เหลือ ต้องพยายามวิ่งผ่านเส้นทั้ง 3 เส้น โดยพยายามอย่าให้คนที่กันแตะต้องตัวได้ คนกันจะต้องวิ่งตามเส้น วิ่งออกนอกเส้นไม่ได้ ถ้าคนกันแตะตัวได้ผู้ถูกแตะตัวจะเป็นฝ่ายแพ้ และต้องมาเป็นฝ่ายกันต่อไป แต่ถ้าวิ่งผ่านการกันได้ทั้งไปและกลับ ก่อนจะวิ่งไปถึงจุดเริ่มเล่นต้องร้องคำว่า “เตย” ด้วยเสียงดังเช่นนี้ถือว่าเป็นผู้ชนะ ผู้แพ้ก็ต้องเป็นฝ่ายกันต่อไป

การละเล่นในร่มและการละเล่นมีบทร้อยกลองประกอบ

หมากเก็บ

อุปกรณ์
ก้อนหินลักษณะค่อนข้างกลมขนาดเท่าหัวแม่มือ จำนวน ๕ เม็ด
วิธีการเล่น
มี ๙ ขั้นตอน คือ หมาก ๑ หมาก ๒ หมาก ๓ หมาก ๔ หมากจุ๊บ หมากเล็กใหญ่ หมากคาย หมากแกง และหมากล้าน ผู้เล่นจะต้องตกลงกันก่อนว่าจะเล่นสิ้นสุดเกมที่หมากใด แล้วแต่ความสามารถของคู่แข่งขัน ถ้าความสามารถน้อย จะสิ้นสุดที่หมาก ๔ หากความสามารถมากขึ้นก็อาจจบที่หมากจุ๊บ หมากเล็กใหญ่ หมากคาย และหมากแกง เป็นต้น แต่จะจบเกมที่ขั้นตอนใดก็ตาม จะต้องลงท้ายด้วยหมากล้านเสมอ ระหว่างการเล่นจะต้องเล่นให้ถูกต้อง คือจะต้องรับก้อนหินที่โยนขึ้นไปให้ได้ และจะต้องหยิบก้อนหินที่พื้น โดยไม่ให้ก้อนอื่นสะเทือน หรือไหว หากรับไม่ได้หรือเล่นแล้วเกิดการไหว ก็จะต้องเปลี่ยนให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นต่อ การตัดสินว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายชนะนั้น จะนับคะแนนจากจำนวนเม็ดที่ล้านได้ ในหมากล้าน ใครเชี่ยวชาญเล่นได้โดยไม่ไหวเลย และเล่นได้หมากล้านบ่อยๆ ก็จะได้คะแนนมาก

มอญซ่อนผ้า

อุปกรณ์
ผ้าขาวม้า ๑ ผืนบิดทบกันให้เป็นเกลียว แล้วขมวดชายผ้าทั้ง ๒ ข้างเข้าหากัน
วิธีเล่น
จับไม้สั้นไม้ยาวเลือกคนที่เป็นมอญ คนอื่นๆ นั่งล้อมวงและร้องเพลง คนที่เป็นมอญถือผ้าไว้ในมือเดินวนอยู่นอกวง ระหว่างนั้นจะทิ้งผ้าไว้ข้างหลังใครก็ได้ แล้วต้องพรางไว้ทำเป็นว่ายังถือผ้าอยู่ เมื่อเดินกลับมาถ้ายังอยู่ที่เดิม ก็หยิบผ้าขึ้นและไล่ตีผู้นั้น ถ้าผู้ถูกไล่วิ่งหนีมานั่งที่เดิมไม่ทัน ถูกมอญตีก็ต้องเป็นมอญแทนและหาทางวางผ้าให้ผู้อื่นต่อไป ถ้าใครรู้สึกตัวคลำพบจะวิ่งไล่มอญไปรอบๆ
มอญต้องรีบวิ่งหนีถ้าคนที่ไล่ตีไม่ถูกมอญได้นั่งแทนที่คนที่ไล่ก็ต้องเป็นมอญแทน หากแต่ถูก มอญคนเดิมก็ต้องเป็นมอญต่อไป
บทร้อยกลองประกอบการเล่น
 “ มอญซ่อนผ้า     ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง
   ไว้โน่นไว้นี่        ฉันจะตีก้นพัง    ”

รีรีข้าวสาร

วิธีการเล่น
ผู้เล่น ๒ คน ยืนเอามือประสานกันเหนือศีรษะเป็นประตูโค้งหรือซุ้ม คนอื่นๆ เกาะไหล่กันลอดใต้โค้งไปเรื่อยๆ ผู้เล่น 2 คนที่เป็นประตูจะร้องเพลงประกอบ เวลาลอดใต้ซุ้ม หัวแถวจะต้องเดินอ้อมหลังคนที่เป็นประตูจะร้องเพลงประกอบ เมื่อจบเพลงผู้เป็นประตูจะกระตุกแขนลงกั้นคนสุดท้ายให้อยู่ระหว่างกลาง คัดออกไป คนข้างหลังต้องระวังตัวให้ดี มิฉะนั้นตัวเองต้องออกจากการเล่น ต้องผ่านให้ได้หมดทุกคนจึงจะจบเกม
บทร้อยกลองประกอบการเล่น
        “ รีรีข้าวสาร                สองทะนาข้าวเปลือก
           เลือกท้องใบลาน      เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน
           คดข้าวใส่จาน          พานเอาคนข้างหลังไว้  ”

งูกินหาง

วิธีการเล่น
1.ผู้เล่นมีจำนวน 8-10 คน แบ่งผู้เล่นเป็น 2 ฝ่า
2.ฝ่ายที่ 1 จะต้องเป็น “พ่องู” 1 คน ฝ่ายที่ 2 มี “แม่งู” 1 คน ที่เหลือเป็น “ลูกงู” ซึ่งผู้เล่นเป็นลูกงูจะต้องเกาะเอวผู้เล่นเป็นแม่งู
3.จากนั้น พ่องูเริ่มถามว่า “แม่งูเอ๋ย” แม่งูและลูกงูก็ร้องตอบว่า “เอ๋ย” พอช่วงท้ายพ่องูถามว่า “กินหัว กินหาง” แม่งูตอบว่า “กินกลางตลอดตัว”
4.พ่องูก็จะไล่จับลูกงูจากปลายแถว ฝ่ายแม่งูจะต้องกางมือเพื่อป้องกันลูก หากลูกงูตัวใดถูกพ่องูดึงจนหลุดออกจากแถวไป ก็จะต้องออกจากการเล่น
5.ผู้เล่นที่เหลือก็เริ่มเล่นกันอีกจนกว่าลูกงูจะถูกจับจนหมด
เพลงประกอบการเล่น
พ่องู : “ แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน ”
แม่งู : “ กินน้ำบ่อโสกโยกไปโยกมา ”
พ่องู : “ แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน ”
แม่งู : “ กินน้ำบ่อหินบินไปบินมา ”
พ่องู : “ แม่งูเอ๋ยกินน้ำบ่อไหน ”
แม่งู : “ กินน้ำบ่อทรายย้ายไปย้ายมา ”
พ่องู : “ กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว ”

เก้าอี้ดนตรี

อุปกรณ์
 เก้าอี้
วิธีเล่น
             ตั้งเก้าอี้เรียงเป็นวงกลมให้เก้าอี้มีจำนวนน้อยกว่าผู้เล่น ๑ ตัว  แล้วให้ผู้เล่นยืนเป็นวงกลมล้อมเก้าอี้ เมื่อเพลงขึ้นให้ผู้เล่นเดินไปรอบวงพร้อมกับรำไปด้วยให้เข้าจังหวะเพลง พอเพลงหยุดผู้เล่นต้องรีบนั่งลงบนเก้าอี้ ผู้ใดที่ไม่มีที่นั่งต้องออกจากการแข่งขันไป แล้วดึงเก้าอี้ออกไป ๑ ตัว จากนั้นก็เริ่มเล่นต่อไปจนกระทั่งเหลือผู้เล่น ๒ คนสุดท้าย และเหลือเก้าอี้ ๑ ตัว ผู้ใดที่นั่งได้ก่อนเป็นผู้ชนะ
เพลงที่ใช้ประกอบ สามารถใช้เพลงอะไรก็ได้

จ้ำจี้

วิธีเล่น
             ผู้เล่นจะวางมือบนพื้น แล้วเด็กคนแรกเป็นคนชี้นิ้วไปเรื่อยๆ พร้อมกับร้องเพลง “จ้ำจี้มะเขือเปาะ” เมื่อร้องจบแล้วนิ้วชี้ไปตกที่นิ้วของใคร คนนั้นจะต้องหดนิ้วไว้ในอุ้งมือ จากนั้นก็เริ่มร้องเพลงต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายนิ้วใครขาดหายไปมากที่สุดจะถือว่าเป็นผู้
บทร้อยกลองประกอบการเล่น
“  จ้ำจี้มะเขือเปราะแปะ กะเทาะหน้าแว่น พายเรือออกแอ่น กระแท่นต้นกุ่ม สาวๆหนุ่มๆ อาบน้ำท่าไหน อาบน้ำท่าวัด เอาแป้งไหนผัด เอากระจกไหนส่อง เยี่ยมๆมองๆ นกขุนทองร้องฮู้ ”
“ จ้ำจี้ผลไม้ แตงไทย แตงกวา ขนุน น้อยหน่า พุทรา มังคุด ละมุด ลำไย มะเฟือง มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ฟัง แฟง โตโม ไชโยโห่ฮิ้ว
“ จ้ำจี้ เม็ดขนุน ใครมีบุญได้กินสำหรับ ผู้ใดสับปลับได้กินหมาเน่า ส้มมะส้ม ส้มมะแป้น มะปรางออกดอก มะกอกออกฝัก ผีไม่รัก จะเอาใครโทษ ”

โพงพาง

วิธีเล่น
             ยิงฉุบกันว่าใครจะเป็นผู้แพ้ต้องปิดตาเป็นโพงพางตาบอด ผู้เล่นคนอื่น ๆ จับมือเป็นวงกลมร้องเพลง โพงพางเอ๋ย โพงพางตาบอด รอดเข้ารอดออก โพงพางตาบอดปล่อยลูกช้างเข้าในวง ขณะเดินวนรอบ ๆ โพงพางตาบอดร้องเพลง ๑-๓ จบ แล้วนั่งลงโพงพางจะเดินมาคลำคนอื่น ๆ ซึ่งต้องพยายามหนี และจะต้องเงียบสนิท หากโพงพางจำเสียงหัวเราะ รูปลักษณะได้จะเรียกชื่อ ถ้าเรียกคนถูกต้องออกมาปิดตาเป็นโพงพางต่อไป ถ้าไม่ถูกก็ต้องเป็นโพงพางอีกไปเรื่อยๆ
บทร้อยกลองประกอบการเล่น
“ โพงพางเอย       นกกระยางเข้าลอด
เสือปลาตาบอด  เข้าลอดโพงพาง ”

คุณค่าของการละเล่นไทย
ประโยชน์ทางกาย
       อันได้จากการออกกำลังทั้งกลางแจ้งและในร่ม เริ่มตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ เล่น “จับปูดำ ขยำปูนา”หรือ “โยกเยกเอย น้ำท่วมเมฆ” เด็กก็จะได้หัดใช้กล้ามเนื้อต่าง ๆ ในตัวพร้อมกับทำท่าให้เข้ากับจังหวะ พอโตขึ้นมาหน่อยก็จะชอบเล่นกลางแจ้งกับเด็กคนอื่น ๆ เป็นกลุ่มเล็กบ้างใหญ่บ้าง เช่น ขี่ม้าก้านกล้วย ตาเขย่ง ตีลูกล้อ วิ่งเปี้ยว ขี่ม้าส่งเมือง ตี่จับ เตย ฯลฯ การละเล่นบางอย่างมีบทร้องประกอบทำให้สนุกครึกครื้นเข้าไปอีก อย่าง รีรีข้าวสาร โพงพาง มอญซ่อนผ้า อ้ายเข้อ้ายโขง งูกินหาง นอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้วยังได้ฝึกความว่องไว ฝึกความสัมพันธ์ของการเก็งจังหวะแขนเท้า เช่น กาฟักไข่ ได้ฝึกการใช้ทักษะ ทางตาและมือในการเล็งกะระยะ เช่น การเล่นลูกหิน ทอยกอง

คุณค่าทางวรรณศิลป์
             บทร้องประกอบการละเล่นของเด็กไทย หากไม่อยู่ในรูปของฉันทลักษณ์ ก็จะมีคำคล้องจองกันอยู่ในรูปของฉันลักษณ์ ก็จะมีคำคล้องจองกันมีสัมผัสนอกสัมผัสใน เท่ากับเป็นการแทรกซึมวิสัยความเป็นเจ้าบทเจ้ากลอนกันตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวเล็กตัวน้อยกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นของภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ซึ่งในแต่ละภาคก็จะสอดแทรกภาษาท้องถิ่นของตนเข้าไปด้วยนอกจากนั้นมีการเลียนเสียงต่าง ๆ หรือออกเสียงแปลก ๆ ซึ่งทำให้เด็ได้ฝึกลิ้น เช่น เลียนเสียงนก “จ้ำจี้เม็ดขนุน...นกขุนทองร้องวู้” 

คุณค่าในการใช้ภาษาสื่อสาร
             เป็นที่น่าสังเกตว่าบทร้องและบทเจรจาโต้ตอบนั้นมีคุณค่าในการสื่อสารอยู่มาก กล่าวคือ ทำให้เด็ก ๆ ได้คุ้นเคยกบคำที่ใช้เรียกชื่อ หรือใช้บอกกริยาอาการต่าง ๆ ช่วยให้เด็กได้มีพัฒนาการทางภาษาโดยไม่รู้ตัว ในบทเจรจาโต้ตอบก็เป็นคำถาม คำตอบสั้นๆ มีเนื้อความเป็นเรื่องเป็นราวเป็นคำพูดในชีวิตประจำวันบ้าง ดังในบทเล่นแม่งูหรือแม่งูสิงสาง

จัดทำโดย
น.ส. นงนภัส นาถศิริบำรุง
น.ส. เตชินี ทรัพย์วัฒนาชัย
น.ส. ภัทรนิษฐ์  กลั่นบุศย์
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
โรงเรียน ราชินีบูรณะ จังหวัดนครปฐม